ฮะจิบัง ราเมน ร้านที่คนชอบราเมนต้องตกหลุมรัก
ราเมน อาหารที่หากินได้ง่ายในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของสตรีทฟู้ด หรือในร้านที่หรูหรามีราคา เมื่อวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้เข้ามาในประเทศไทย ก็ทำให้อาหารชนิดนี้ได้เข้ามาในประทเศไทยด้วย ร้านฮะจิบัง ราเมน ร้านที่ขายเมนูราเมนเป็นหลักและขึ้นชื่อในเรื่องของราเมนเป็นอย่างมาก ด้วยรสชาติที่โดดเด่นหาทานได้ง่ายในประเทศไทยและราคาที่ไม่แพงจนเกินไป จับต้องได้ จึงทำให้ฮะจิบังราเมนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย ร้านอาหารญี่ปุ่นร้านนี้จะมีดีอย่างที่เราได้กล่าวมาหรือไม่ วันนี้ EatAllAround จะพาทุกคนไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเอง ถ้าพร้อมแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
สาขาทั่วประเทศ กว่า 100 สาขา คลิกดูที่นี่
เปิดเมนูเด็ดที่คุณไม่ควรพลาดในร้านฮะจิบัง
ฮะจิบัง ราเมน เป็นร้านอาหารที่ให้บริการอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ดังนั้นสำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเราจึงอยากจะแนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเมนูแรกที่เราอยากจะแนะนำกันในวันนี้ ขอเริ่มเป็นเมนูทานเล่นอย่าง เอบิโรล ซึ่งมีชื่อภาษาไทยว่า ปอเปี๊ยะกุ้งทอด เมนูนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะทานง่ายแถมเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่เปิดต่อมรับรสได้เป็นอย่างดี รสชาติของปอเปี๊ยะถือว่ากลมกล่อมกำลังดี แป้งห่อถูกนำไปทอดจนมีสีเหลืองกรอบ โดยที่เนื้อกุ้งด้านในยังนุ่มและเด้งสมกับมาตรฐานของร้าน รสชาติออกเค็มนิดๆ รับประทานคู่กับซอสมายองเนสที่เสิร์ฟมาคู่กัน สามารถเพิ่มความกลมกล่อมของปอเปี๊ยะได้ดีเลยทีเดียว ยิ่งทานคู่กับกะหล่ำปลีฝอยที่เสิร์ฟมาในจาน จะตัดเลี่ยนได้ดี ถือว่าลงตัวเป็นอย่างมาก ราคาอยู่ที่เพียงแค่ 78 บาทเท่านั้น
เมนูถัดมาที่เราอยากแนะนำเป็นเมนูยอดนิยม ที่แทบทุกโต๊ะจะต้องสั่งเมนูนี้มาทาน ซึ่งจะเป็นเมนูไหนไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่ เกี๊ยวซ่า ทางร้านจะเสิร์ฟเป็นเกี๊ยวซ่าแบบทอด ที่ให้สัมผัสแบบกรอบนอกนุ่มใน ตัวแป้งบาง กรอบ ห่อใส้หมูสับที่ถูกปรุงรสมาเป็นอย่างดี ให้สัมผัสที่นุ่ม ละมุนลิ้นเป็นอย่างมาก รสชาติกลมกล่อมทั้งเค็มและหวาน รับประทานคู่กับซอสเปรี้ยวที่ทางร้านจัดไว้ให้ ถือว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดี ราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด 6 ชิ้นอยู่ที่ 78 บาท หรือ 12 ชิ้น ราคา 154 บาทเท่านั้น
มาต่อกันที่เมนูอาหารจานหลักกันบ้างกับเมนูเรเมน เมนูที่หลายคนเห็นพ้องต้องกันว่าต้องสั่ง หากได้เดินทางมารับประทานอาหารที่ร้านนี้ เป็นบะหมี่เย็นแบบไม่แยกน้ำ เหมาะสำหรับการรับประทานในช่วงฤดูร้อนแบบนี้เป็นอย่างมาก ตัวเครื่องก็จัดมาให้แบบเต็มๆคำ ไม่ว่าจะเป็นไข่ต้ม หมู กุ้ง และแตงกวาหั่นเป็นเส้นบางๆ รับประทานง่าย ให้ความรู้สึกสดชื่นด้วยน้ำซุปที่มีรสชาติออกเปรี้ยว เมื่อคลุกเคล้าให้เข้ากันดีกับซอสเลมอนรสเปรี้ยวแต่ไม่บาดคอที่ใส่มาให้ในชาม ยิ่งเพิ่มความละมุนและกลมกล่อมให้กับเมนูนี้ได้มากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญคือไม่มีรสชาติเผ็ดแต่อย่างใด เด็กหรือคนที่ไม่รับประทานเผ็ดก็รับประทานได้ สนนราคาอยู่ที่ 110 บาทเท่านั้น
ใครที่อยากเพิ่มรสชาติความเผ็ดร้อน เราขอแนะนำ ทงโคะสึ ทันตัมเมน เป็นราเมนที่เสิร์ฟมาในน้ำซุปกระดูกหมูที่มีกลิ่นหอมและรสชาติกลมกล่อมหวานเค็มกำลังดี เสิร์ฟคู่มากับหมูและไก่สับที่นำเอาไปผัดกับซอสเผ็ดแบบเข้มข้น ราดด้วยน้ำมันพริกที่จะลอยอยู่ด้านบนเพิ่มความน่าทานได้อีกเป็นเท่าตัว สุดท้ายโรยด้วยต้นหอมญี่ปุ่นที่เสริมกลิ่นหอมได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งผักเคียงอย่างหน่อไม้และผักกาดกวางตุ้ง ก็ตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เวลารับประทานให้คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อน จะช่วยให้น้ำซุปมีรสชาติเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับเส้นก็มีความเหนียวนุ่มตามสไตล์ของร้านที่ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว รสชาติจะมีความเผ็ดระดับปานกลาง ไม่จืดหรือเผ็ดจนเกินไป ราคาอยู่ที่ถ้วยละ 100 บาท
หากใครมองว่าความเผ็ดร้อนของญี่ปุ่นมันยังไม่ตอบโจทย์ เราขอแนะนำเมนู ต้มยำกุ้ง ราเมน ราเมนที่สามารถหารับประทานได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เป็นการผสมผสานกันระหว่างเส้นราเมนที่มีความเหนียวนุ่มกำลังดี และซุปต้มยำสูตรพิเศษของทางร้านที่มีความครีมเป็นพิเศษ รสชาติเปรี้ยวเผ็ดแบบเล็กน้อย มีรสติดเค็มและหวานแบบครบถ้วนทุกประการ ความเข้มข้นก็อยู่ในระดับปานกลางไม่ได้จัดจ้านจนเกินไป เสิร์ฟมาพร้อมกับกุ้งขนาดใหญ่ถึง 3 ตัว ลูกชิ้นเลข 8 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน เห็ดฟางและผักโรยที่เข้ากันได้ดีกับซุปต้มยำ รับประทานคู่กันแล้วเข้ากันได้อย่างลงตัว ราคาอยู่ที่ 125 บาท
ฮะจิบัง ร้านเก่าแก่ในตำนานจากญี่ปุ่นที่มาเปิดในประเทศไทย
ร้านฮะจิบัง ราเมน เป็นร้านในห้างที่เราสามารถพบเจอได้ทั่วไปแทบจะทุกห้างดัง จะต้องมีร้านนี้ จึงทำให้เลือกหารับประทานได้ง่าย ปัจจุบันแทบจะในทุกจังหวัดของประเทศไทยเลย แต่ทราบหรือไม่ว่ามันเป็นร้านเก่าแก่ที่สาขาแรกเปิดตัวมาตั้งแต่ในปี 1967 ในประเทศญี่ปุ่นบนถนนหมายเลข 8 ของเมืองคางะ จังหวัดอิชิคาวะ ด้วยเหตุนี้จึงกลายมาเป็นชื่อร้านที่เป็นสัญลักษณ์หมายเลข 8 นั่นเอง ตอนแรกเริ่มเป็นร้านราเมนเล็กๆ ที่มีราเมนจำหน่ายอยู่เพียงแค่ไม่กี่เมนู แต่ด้วยรสชาติน้ำซุปที่เข้มข้นถึงใจ ทำให้ร้านประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนกระทั่งในปี 1992 ก็ได้มีการร่วมลงทุนระหว่างไทยและญี่ปุ่น เพื่อมาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ศูนย์การค้าสีลมคอมเพล็กซ์ ให้ชาวไทยได้ลิ้มรสราเมนแบบต้นตำรับญี่ปุ่นดั้งเดิมนั่นเอง
ร้านดังกล่าวปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นในในเขตภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคใต้ก็ตาม สำหรับใครที่สนใจก็สามารถติดตามข่าวสารของทางร้านได้ผ่านทาง Facebook : Hachiban Ramen Thailand หรือ www.hachiban.co.th และยังสามารถโทรศัพท์สอบถามกับทางร้านได้โดยตรงที่หมายเลข 02-126-5478 ได้อีกด้วย