Krisp Cafe คาเฟ่สุดชิคของ พลอย ชิดจันทร์ ที่รีโนเวทจากบ้านยุค 70

Krisp Cafe คาเฟ่สุดชิคของ พลอย ชิดจันทร์ ที่รีโนเวทจากบ้านยุค 70

ในปัจจุบันสิ่งสำคัญที่จะดึงดูดให้ลูกค้ามาเที่ยวคาเฟ่ได้ นอกจากรสชาติของเครื่องดื่มที่อร่อยแล้ว ยังต้องมีความสวยงามเหมาะสำหรับการถ่ายรูปอีกด้วย อย่างเช่น Krisp Cafe ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ หากใครได้มีโอกาสเดินทางมาเชียงใหม่แล้ว เราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดคาเฟ่แห่งนี้โดยเด็ดขาด เพราะมันเป็นคาเฟ่สไตล์วินเทจที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม จนสามารถถ่ายรูปได้แทบทุกมุม ดัดแปลงมาจากบ้านยุค 70 ให้มีงานสถาปัตยกรรมสวยงามไม่เหมือนใคร สำหรับใครที่สนใจ EatAllAround จะพาทุกคนไปสำรวจกันว่า คาเฟ่แห่งนี้ดีอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย

ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่

Krisp Cafe จากบ้านเก่ายุค 70 สู่การรีโนเวทเป็นคาเฟ่ยอดนิยมในเชียงใหม่ 

Krisp Café

Krisp Cafe เป็นคาเฟ่เชียงใหม่ที่เปิดมาในระยะเวลาหนึ่งแล้ว ในช่วงแรกทางร้านได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสวยงามและสามารถถ่ายรูปได้แทบทุกมุมเลยทีเดียว มีความกว้างขวางทั้งภายในและภายนอกอาคาร เดิมทีอาคารหลังนี้เคยเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในปี 1975 ตั้งอยู่ใจกลางตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นจากทางฝั่งตะวันตก บริเวณด้านหน้าจะมีพื้นที่สวนขนาดเล็ก หลังจากนั้นจะเป็นตัวอาคาร ส่วนด้านหลังมีทั้งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่และพื้นที่สวนร่มรื่น ที่เราสามารถไปนั่งพักผ่อนจิบกาแฟได้ แต่ด้วยความที่อาคารมีอายุค่อนข้างเก่าแก่ แถมยังถูกปล่อยทิ้งร้างมาเป็นระยะเวลานานหลายปี สภาพก่อนการรีโนเวทจึงทรุดโทรมเป็นอย่างมาก 

Krisp Café

ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการนำเอาบ้านหลังดังกล่าวมารีโนเวทใหม่อีกครั้งทำให้เป็นคาเฟ่ ทำให้บ้านหลังนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอย่างที่เราได้เห็นกัน โดยเจ้าของคาเฟ่มองว่าวัสดุโครงสร้างเดิมยังอยู่ในสภาพดี จึงยังคงรักษาสภาพเดิมเอาไว้อย่างเช่น กระเบื้องดินเผา ศิลาแลง และไม้ปาร์เกต์ รวมไปถึงส่วนของโครงสร้างและงานสถาปัตยกรรมอื่น ๆ เช่น หน้าต่างและประตูทรงโค้ง ก็ยังคงแบบเดิมเอาไว้เพียงแต่ปรับปรุงใหม่ให้ดูทันสมัยและใหม่ขึ้นกว่าเดิม โดยบริเวณชั้น 1 จะเป็นจุดที่เราสามารถสั่งขนมและกาแฟได้ มีพื้นที่ให้เราได้นั่งจิบกาแฟ หากใครรู้สึกอึดอัดจะมานั่งโซน Outdoor ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะบริเวณสระว่ายน้ำที่มีการดัดแปลงให้เป็นที่นั่ง และยังมีบันไดวนที่สามารถเดินขึ้นชั้นสองได้เลยจากภายนอกร้าน นอกจากนี้บริเวณด้านล่างของตัวบ้าน ยังเป็นจุดแสดงงานศิลปะให้เราได้เข้าไปชมความงดงามอีกต่างหาก เรียกได้ว่าไปที่เดียวได้ครบทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และแกลลอรี่ ใครมาเที่ยวเชียงใหม่ต้องไม่พลาดโดยเด็ดขาด 

สำหรับคนที่มองหามุมถ่ายรูปก็มีหลายจุดที่เราอยากจะแนะนำ เริ่มต้นจากบริเวณด้านหน้าร้านที่เราสามารถเข้าไปถ่ายรูปกับฉากที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าได้ เข้ามาภายในร้านทุกมุมเรียกได้ว่าถ่ายรูปได้หมดไม่ว่าจะเป็นที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับบาร์กาแฟ ที่ได้รับการออกแบบมาให้เหมือนกับที่นั่งผู้โดยสารรถไฟ บริเวณด้านบนต้องไม่พลาดมุมข้างหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่ได้รับแสงจากธรรมชาติเข้ามาจนแทบจะไม่ต้องแต่งแสงเพิ่มเลยแม้แต่น้อย หรือหากคุณอยากได้รูปที่แตกต่างจากคนอื่น บริเวณชั้น 2 ก็จะมีระเบียงด้านนอกให้คุณสามารถถ่ายรูปจากด้านล่างขึ้นไปได้เช่นเดียวกัน แต่ที่จะพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยก็คือ สระว่ายน้ำด้านล่างที่ได้ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นมุมสำหรับนั่งเล่นและถ่ายรูปโดยเฉพาะ เข้ากับบรรยากาศฤดูร้อนในช่วงนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว 

แนะนำขนมและเครื่องดื่มที่คุณไม่ควรพลาดหากเดินทางมาเที่ยวที่ Krisp Café

Krisp Café

Krisp Cafe เป็นร้านกาแฟที่มีเมนูให้บริการมากมาย กาแฟที่ใช้นั้นรสชาติจะเข้มข้นกำลังดี ไม่ขมหรือเปรี้ยวจนเกินไป ใครที่ชื่นชอบกาแฟเมนูที่เราอยากจะแนะนำว่าไม่ควรพลาดเลยก็คือ Coco Dirty ที่มาในแบบเครื่องดื่มเย็น รสชาติกลมกล่อมกำลังดีเข้ากับความขมของกาแฟได้อย่างยอดเยี่ยม ดื่มแล้วรู้สึกตื่นเต็มตา หรือจะลองเมนู Signature อย่าง Coco Paradise ก็ได้เช่นเดียวกัน เป็นกาแฟแบบเบาๆ ผสมกับน้ำมะพร้าวและวิปโฟมมะพร้าว ที่นุ่มละมุนเข้ากับเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี ใครที่ไม่ดื่มกาแฟก็มีเครื่องดื่มอย่าง โกโก้ ที่เข้มข้นถึงใจ ชาเขียวมัทฉะที่มีกลิ่นหอมและความเข้มข้นสูง เข้ากันได้ดีกับนมคุณภาพสูงทำให้รสชาติออกมากลมกล่อม ใครที่อยากได้เครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่นระหว่างวัน เราก็ขอแนะนำ Pina Mint Lemonade เป็นเครื่องดื่มที่จะผสมผสานกันระหว่างมิ้นต์ สับปะรด น้ำมะนาว และโซดา 

Krisp Café

สำหรับเมนูของหวานของร้านคาเฟ่แห่งนี้ที่คุณไม่ควรพลาดเลยก็คือ ครัวซองต์ ซึ่งถือว่าทำออกได้ดีมาก ชั้นแป้งบางและเรียงตัวกันสวย กรอบนอก ด้านในเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นเนย Lescure จากประเทศฝรั่งเศสมาก อร่อยมากๆ จนครัวซองต์หน้าร้านนั้นหมดเร็วมาก บางคนถึงกับต้องโทรมาจองกันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี Canele (กาเนอเล่) Madeleine (ขนมไข่ฝรั่งเศส) และ Financier (ขนมฟินองเซียหรือเค้กอัลมอนด์สไตล์ฝรั่งเศส) โดยที่สูตรของทางร้านนั้น จะใช้ almond powder (แป้งอัลมอล) เป็นหลักถึง 90% และใช้แป้งปกติเพียง 10% เท่านั้น

Krisp Café

ทางร้านจะเปิดให้บริการในเวลา 09:00 น. ถึง 19:00 น. ทุกวัน สามารถติดตามข่าวสารของทางร้านได้ผ่านทาง Facebook Page : Krisp Cafe’ และยังสามารถโทรศัพท์สอบถามกับทางร้านได้โดยตรงที่หมายเลข 063-525-4245 ได้อีกด้วย

About Author

admin

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *