ว่าด้วยเรื่องของขนมไทย หลายๆคนคงรู้จักกันดีในนามขนมมงคล ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ชื่อของขนมก็แฝงไปด้วยความหมายที่ดี ความหมายที่เป็นมงคลอยู่แล้ว ขนมหวานเหล่านี้มักจะใช้ในการประกอบพิธีงานมงคลต่างๆ ใครอยากรู้จักกับขนมมงคล 9 อย่าง พร้อมความหมายดีๆ และสูตรขนมมงคล ตามมาดูกันได้เลยค่ะ
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่นี่
สูตรขนมมงคล 9 อย่าง พร้อมวิธีทำอย่างละเอียด
1. ขนมทองหยิบ
ทองหยิบ เป็นขนมไทยมงคลที่สื่อถึงการหยิบจับสิ่งใดก็เป็นเงินเป็นทอง เหมาะสำหรับใช้ในพิธีขึ้นบ้านใหม่ บวงสรวง เปิดบริษัทใหม่ ขนมมีลักษณะคล้ายดอกไม้สีทอง ซึ่งหมายถึงความร่ำรวย หากนำไปเป็นของขวัญให้กับใครก็จะทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ผู้รับ สูตรขนมมงคลทองหยิบทำง่ายมากๆ ใช้ส่วนผสมเพียงแค่ 3 อย่างเท่านั้น แถมทำออกมาแล้วหน้าตาดูน่ากินด้วยค่ะ
ส่วนผสมทองหยิบ
• ไข่แดงของไข่เป็ด 4 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วยตวง
• น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมทองหยิบ
1. ตั้งกระทะทองเหลืองด้วยไฟอ่อน เติมน้ำและน้ำตาลทรายลงไป คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟพักไว้จนเย็นแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. เทน้ำเชื่อมที่ได้จากข้อ 1 ลงกระทะทองเหลือง ตั้งไฟกลางให้น้ำเชื่อมร้อน แต่ไม่ถึงกับเดือดพล่าน
3. ตีไข่แดงจนขึ้นฟู ตักหยอดลงในน้ำเชื่อมให้เป็นรูปวงกลม พอสุกทั้งสองด้านให้ตักขึ้นพักไว้ให้เย็ นแล้วจับจีบให้สวยงามด้วยการวางใส่ถ้วย เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
2. ขนมทองหยอด
ทองหยอดเป็นขนมที่หลายๆคนคงคุ้นตากันดี นิยมนำมาไหว้พระและเป็นองค์ประกอบของขนมมงคลสำหรับพิธีต่างๆทองหยอดสื่อถึงการมีเงินทองใช้ไม่รู้จักจบสิ้น ก็คือหมายถึงความร่ำรวยไม่รู้จักหมดสิ้นนั่นเองเหมาะกับการมอบให้ผู้ใหญ่เป็นของขวัญในโอกาสสำคัญ
ส่วนผสมทองหยอด
• ไข่แดงของไข่เป็ด 9 ฟอง
• น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วยตวง
• แป้งทองหยอดหรือแป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำลอยดอกมะลิ 2+1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำขนมทองหยอด
1. นำน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายเทลงไปในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟแรงจนเดือดปุดๆ เคี่ยวต่อประมาณ 10-15 นาที จนน้ำเชื่อมข้นขึ้น
2. ตักน้ำเชื่อมส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว อีกส่วนตั้งไฟไว้
3. นำไข่แดงไปตีจนขึ้นฟู กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่แป้งทองหยอดหรือแป้งข้าวเจ้าลงไปผสมให้เข้ากัน
4. หยอดไข่แดงที่ผสมแป้งจนเข้ากันดีแล้วลงในน้ำเชื่อมเดือด วิธีการหยอดให้ใช้ปลายช้อนแกงตักส่วนผสมขึ้นมา แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งดันลงไปในกระทะ ปั้นเป็นลูกกลมๆเล็กๆขนาดพอเหมาะ
5. พอขนมสุกจะลอยขึ้นมา ให้ใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ในน้ำเชื่อมที่เราแยกไว้ในขั้นตอนแรก แล้วตักขึ้นจัดใส่จาน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3. ขนมฝอยทอง
ฝอยทอง เป็นสูตรขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่นิยมใช้ในงานมงคลสมรส หรืองานขึ้นบ้านใหม่ โดยเอกลักษณ์ของขนมที่เป็นเส้นยาว สื่อถึงการมีอายุยืนยาวหรือรักกันยืนยาวนั่นเอง
ส่วนผสมฝอยทอง
• ไข่เป็ด 6 ฟอง
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม
• น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 มิลลิลิตร
• ใบเตย 4 ใบ
วิธีทำขนมฝอยทอง
1. แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกัน แล้วรีดไข่น้ำค้างที่ติดอยู่ภายในเปลือกไข่ลงไปในไข่แดง ไข่น้ำค้างคือไข่ขาวที่เป็นน้ำใสๆ จะช่วยให้เส้นฝอยทองเหนียวนุ่ม ไม่ขาดง่าย
2. ตีไข่แดงให้พอเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องให้ขึ้นฟูเพราะจะทำให้เส้นฝอยทองขาดเวลาโรยในกระทะ จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. ตั้งไฟกลางทำน้ำเชื่อม ใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทรายและใบเตยลงไปในหม้อ รอจนน้ำตาลละลาย นำไปกรองแล้วเทลงกระทะทองเหลือง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเหนียวข้น
4. ตักส่วนผสมของไข่แดงใส่ลงในกรวย ค่อยๆโรยไข่แดงลงไปในน้ำเชื่อมที่เดือดโดยใช้ไฟกลาง วนรอบกระทะประมาณ 20-30 รอบต่อ 1 ชิ้น จากนั้นยกกรวยขึ้น ถ้าอยากให้ฝอยทองเส้นเล็กให้ยกกรวยสูงจากกระทะ แต่ถ้าอยากได้ฝอยทองเส้นใหญ่ให้ถือกรวยต่ำๆ
5. พอขนมสุกให้ใช้ไม้ปลายแหลมพับครึ่งฝอยทอง แล้วนำมาพับบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
4. ขนมเม็ดขนุน
โบราณว่ากันว่า ปลูกต้นขนุนไว้หน้าบ้านจะช่วยหนุนนำคนในบ้านให้มีแต่คนเชิดชู สำหรับขนมไทยอย่างเม็ดขนุน ก็เป็นขนมที่มีความหมายมงคลเช่นกันค่ะ แถมยังเป็นสูตรขนมไทยที่ทำง่ายมากๆเลย ด้วยชื่อของขนมสื่อถึงการมีคนช่วยสนับสนุนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน การค้าขาย หรือการดำรงชีวิต
ส่วนผสมไส้ขนม
• เผือกนึ่งสุก 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• หัวกะทิ 300 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
• น้ำเปล่า 1 ลิตร
• น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
• ไข่แดงของไข่เป็ด 5 ฟอง (สำหรับชุบขนม)
วิธีทำเม็ดขนุน
1. บดเผือกให้ละเอียด ใส่น้ำตาลทราย หัวกะทิ และเกลือลงไป กวนด้วยไฟอ่อนจนแห้งและเหนียวขึ้น พักไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนวงรี
2. ตั้งไฟกลาง ใส่น้ำและน้ำตาลทรายลงไปต้มจนกลายเป็นน้ำเชื่อม เตรียมไข่แดงไว้ชุบเผือกกวนด้วยการตีให้เข้ากันเล็กน้อย
3. ตักไส้เผือกที่ปั้นเตรียมไว้ ชุบไข่แล้วหยอดลงน้ำเชื่อมที่เดือดเบาๆ พอไข่สุกให้ตักขึ้น เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. ขนมชั้น
สูตรขนมมงคลถัดมาเป็นของขนมชั้น ขนมไทยโบราณที่ถือเป็นมงคล เพราะหมายถึงความเจริญก้าวหน้า ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง เชื่อกันว่าถ้าหยอดขนมให้ได้ 9 ชั้นจะเป็นมงคลกับเจ้าภาพ หรือคนที่ได้รับขนม
ส่วนผสมขนมชั้น
• แป้งมันสำปะหลัง 200 กรัม
• แป้งข้าวเจ้า 25 กรัม
• แป้งท้าวยายม่อม 25 กรัม
• น้ำตาลทราย 400 กรัม
• กะทิ 750 กรัม
• กลิ่นใบเตย 1 ช้อนชา
• สีผสมอาหารตามชอบ
• ถาดหรือพิมพ์ซิลิโคนรูปต่างๆ
วิธีทำขนมชั้น
1. ใส่กะทิ 200 กรัม และน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟคนให้น้ำตาลละลาย ปิดไฟและพักไว้ให้เย็น
2. ผสมแป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อม คนให้เข้ากัน ค่อยๆเทกะทิที่เหลือลงไปผสมให้พอนวดแป้งเป็นก้อนได้ นวดประมาณ 5 นาที
3. เทกระทิที่เหลือและน้ำเชื่อมลงไปผสมให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรงจนไม่มีเม็ดแป้งเหลืออยู่ เติมกลิ่นใบเตยลงไปผสมให้เข้ากัน
4. แบ่งแป้งขนมชั้นใส่ถ้วยแยกไว้ หยดสีผสมอาหารลงไปตามชอบ
5. ตั้งไฟลังถึงจนน้ำเดือด นำพิมพ์ซิลิโคนหรือถาดวางลงไปบนซึ้ง หยอดแป้งลงไปบนถาดขนมให้มีความหนาประมาณ 0.2 ซม.
6. แต่ละชั้นนึ่งประมาณ 5 นาที หรือจนขนมสุก หยอดจนครบจำนวนชั้นที่ต้องการ
7. เมื่อขนมสุกครบทุกชั้นแล้ว ให้นำออกมาพักไว้จนเย็นแล้วแกะออกจากพิมพ์หรือตัดจากถาด เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
6. ขนมจ่ามงกุฎ
นับว่าเป็นสูตรขนมมงคลที่มีหลายขั้นตอนมากๆเลย กับจ่ามงกุฎ หรือขนมดาราทอง เป็นขนมมงคลที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความยาก แต่ความหมายดีมากๆ สื่อถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีความเป็นผู้นำ เหมาะกับการมอบเป็นของขวัญอวยพรให้ผู้ใหญ่หรือเพื่อนๆที่มีโอกาสได้เลื่อนยศ
ส่วนผสมฐานแป้ง
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
• ไข่แดงของไข่ไก่ 1 ฟอง
• น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมเมล็ดแตงโม
• เมล็ดแตงโมแกะ 1/4 ถ้วยตวง
• น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
• ทองคำเปลวที่สามารถทานได้
ส่วนผสมขนมจ่ามงกุฎ
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
• ไข่แดงของไข่ไก่ 5 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• กะทิ 1+1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำฐานแป้งสำหรับรองขนม
1. นวดแป้ง น้ำเปล่าและไข่แดงให้พอนุ่ม แล้วคลึงแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ ตัดเป็นแผ่นกลมใส่ลงในถ้วยตะไล ใช้ไม้จิ้มให้ทั่ว
2. นำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที หรือจนกว่าแป้งจะเหลืองกรอบ นำออกมาพักไว้
วิธีทำเมล็ดแตงโม
1. ตั้งไฟอ่อนใส่เมล็ดแตงโมลงไป
2. พรมน้ำเชื่อมลงไปที่เมล็ดแตงโม คนไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำตาลจะเกาะเป็นตะปุ่มตะป่ำ ตักขึ้นมาพักไว้
วิธีทำขนมจ่ามงกุฎ
1. ผสมไข่ไก่ กะทิ น้ำตาลทราย และแป้งสาลีให้เข้ากัน
2. นำส่วนผสมที่เข้ากันแล้วใส่ลงในกระทะ กวนด้วยไฟอ่อนที่สุดจนขนมไม่ติดมือ
3. ปั้นขนมเป็นก้อนกลมๆ ใช้ไม้จิ้มฟันกดเป็น 6 แฉก คล้ายๆฟักทอง
วิธีประกอบขนม
ติดเมล็ดแตงโมโดยรอบแป้งรอง วางขนมทองเอกที่ปั้นเรียบร้อยแล้วด้านบน แล้วปั้นขนมเป็นเม็ดเล็กๆวางบนยอดมงกุฎ ติดด้วยแผ่นทอง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
7. ขนมทองเอก
เป็นอีกหนึ่งขนมมงคลที่ชื่อเพราะมากๆ นิยมใช้เป็นขนมงานแต่งด้วยค่ะ สื่อความหมายถึงการเป็นที่หนึ่งในด้านต่างๆ เอกลักษณ์ของขนมอยู่ที่ทองคำเปลวที่ติดไว้ด้านบนของขนมเป็นจุกเล็กๆ และลวดลายอันสวยงาม
ส่วนผสมขนมทองเอก
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2+1/2 ถ้วยตวง
• ไข่แดงของไข่ไก่ 14 ฟอง
• แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วยตวง
• กะทิ 2+1/2 ถ้วยตวง
• แผ่นทองคำเปลวสำหรับตกแต่ง
• แบบพิมพ์สำหรับกดขนม
วิธีทำขนมทองเอก
1. นำกระทะทองเหลืองตั้งไฟกลาง ใส่กะทิและน้ำตาลลงไป ต้มจนเดือดแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปเคี่ยวต่อจนข้น ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น
2. ใส่ไข่แดงลงไปคนให้เข้ากัน นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง กวนจนร้อน ค่อยๆใส่แป้งลงไปจนหมด กวนจนส่วนผสมร่อนจากกระทะ ปิดไฟพักไว้ให้พออุ่นๆ
3. ตักขนมอัดเข้าพิมพ์ให้แน่น แล้วเคาะออก ตกแต่งหน้าขนมด้วยเศษทองคำเปลว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
8. ขนมเสน่ห์จันทร์
ลูกจันทร์ เป็นผลไม้ที่มีสีเหลืองนวล เวลาสุกจะมีกลิ่นหอมมากๆ ขนมเสน่ห์จันทร์เป็นขนมที่ทำเลียนแบบผลลูกจันทร์ ตกแต่งด้วยผงจันทร์เทศให้มีกลิ่นหอม สื่อความหมายถึงความมีเสน่ห์ มีคนรักใคร่เอ็นดู เมตตา คอยให้ความช่วยเหลือ
ส่วนผสมขนมเสน่ห์จันทร์
• แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
• แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง
• หัวกะทิ 8 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 4 ถ้วยตวง
• ไข่แดงของไข่ไก่ 8 ฟอง
• ผงจันทร์เทศป่น 1 ช้อนชา
• น้ำตาลปี๊บสำหรับทำคั่วผลจันทร์
• เทียนอบขนม
วิธีทำขนมเสน่ห์จันทร์
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และผงจันทร์เทศป่นให้เข้ากัน
2. นำหัวกะทิและน้ำตาลทรายขึ้นตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลายแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง นำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้แล้วตั้งเตาบนไฟอ่อนอีกครั้ง ค่อยๆกวนจนส่วนผสมข้นขึ้นแล้วยกลง
3. ใส่ไข่แดงลงไปคนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมเหนียวให้พอปั้นได้ จากนั้นปิดไฟ
4. ปั้นขนมเป็นทรงกลมคล้ายลูกจันทร์ แต่งคั่วด้วยน้ำตาลปี๊บเคี่ยว แล้วนำไปอบควันเทียนจนหอม เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
9. ขนมปุยฝ้ายหรือขนมถ้วยฟู
มาถึงสูตรขนมมงคลชนิดสุดท้ายแล้วค่ะ กับขนมปุยฝ้าย หรือขนมถ้วยฟู สื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง ความเฟื่องฟู ขนมมีสีสดใส ช่วยเพิ่มความสดใสได้อย่างดีเลย
ส่วนผสมขนมปุยฝ้าย
• แป้งเค้ก 2+1/2 ถ้วยตวง
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 250 กรัม
• นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
• SP 4 ช้อนชา
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• กลิ่นมะลิหรือกลิ่นนมแมว 1 ช้อนชา
• สีผสมอาหารตามชอบ
วิธีทำขนมปุยฝ้าย
1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน
2. นำไข่ไก่ น้ำตาลทรายและน้ำใส่รวมกันในอ่างผสมของเครื่องดี ตามด้วยการป้าย SP บนหัวตีตะกร้อ จากนั้นทำการตีด้วยความเร็วสูง 3-5 นาที จนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันและขึ้นฟูประมาณ 3 เท่า
3. ลดความเร็วของเครื่องตีลงให้เหลือระดับต่ำ จากนั้นนำแป้งที่ร้านกับผงฟเตรียมไว้ ค่อย ๆ นำใส่ลงไปในอ่างผสมจนหมด จากนั้นตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. ค่อย ๆ เทนมข้นจืดตามลงไป ต่อด้วยน้ำมะนาวและกลิ่นมะลิ แล้วตีให้เข้ากันราว ๆ 30 วินาที แล้วปิดเครื่อง นำอ่างผสมออกจากเครื่องดีแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ ทิ้งไว้ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมทั้งหมดขึ้นฟู
5. เตรียมลังถึงสำหรับนึ่งบนเตารอจนน้ำเดือดจัด ใช้พายยางตะล่อมแป้งในอ่างผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นแบ่งแป้งออกใส่สีผสมอาหารตามชอบ
6. วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์อลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งที่ได้จากขั้นตอนข้างต้นลงพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ แล้วนำไปวางเรียงในซึ้งโดยให้ถ้วยขนมแต่ละถ้วยห่างกันราว ๆ 2 เซนติเมตร
7. นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 15 นาทีแล้วยกออก แกะขนมออกจากพิมพ์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
เป็นยังไงกันบ้างคะกับสูตรขนมมงคลที่ดูเหมือนยาก แต่จริงๆแล้วทำไม่ยากเลยค่ะ ส่วนผสมก็ใช้เพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ปัจจุบันนี้เรามักจะเห็นขนมไทยวางขายเป็นถาดเล็กๆ สำหรับไหว้พระ หรือนำไปเป็นขนมหวานเลี้ยงพระ ตามร้านขนมต่างๆก็มีขายเป็นกระทงเล็ก ๆ สไตล์มินิมอล ใครชอบแบบไหนก็ตามไปจัดกันได้เลย
ติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่ EatAllAround